ถอดรหัสขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะของรัสเซีย

อย่างไรก็ดี ขบวนพาเหรดในวันแห่งชัยชนะของรัสเซียปีนี้ค่อนข้างเล็กและมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจสะท้อนได้ถึงภาวะที่รัสเซียกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ หลังเข้าไปทำสงครามในยูเครน

ภาพขบวนพาเหรดในพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะปีที่ 78 ของรัสเซีย ซึ่งถูกจัดขึ้นที่บริเวณจัตุรัสแดง ใจกลางกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย

ขบวนอาวุธยุทโธปกรณ์และขบวนของพลทหารยังคงเดินทางผ่านปรัมพิธีเหมือนกับทุกปี

“แวกเนอร์” นักรบรับจ้างกลุ่มสำคัญของรัสเซีย

เอกสารลับที่ถูกอ้างเป็นข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ คาดสงครามยูเครน-รัสเซีย มีแนวโน้มยืดเยื้อตลอดปี

อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์ไมเคิล คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ทางการทหารและนักวิจัยอาวุโสประจำคิงส์คอลเลจลอนดอนระบุว่า ปีนี้ขบวนพาเหรดของรัสเซียมีการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้คือ จำนวนอาวุธยุทโธปกรณ์ในขบวนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ภาพขบวนอาวุธยุทโธปกรณ์ในขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะในปีนี้ กองทัพรัสเซียได้เปิดขบวนยุทโธปกรณ์ด้วยรถถังสมัยสหภาพโซเวียตรุ่น T-34 ที่ประดับด้วยสัญลักษณ์ของวันแห่งชัยชนะด้านข้างและเชิญธงสีแดง เพียงคันเดียวเท่านั้น และรถที่ตามหลังมาก็เป็นยานยนต์ทางการทหารทั่วไป

ภาพดังกล่าวแตกต่างไปจากขบวนยุทโธปกรณ์ในปี 2022 โดยเมื่อปีที่แล้ว กองทัพรัสเซียได้เปิดขบวนยุทโธปกรณ์ด้วยรถถังสมัยสหภาพโซเวียตรุ่น T-34 เช่นกัน แต่มีรถถังรุ่นใหม่อย่างที-14 อาร์มาตาและรถถังรุ่นอื่นๆ เข้ามาร่วมขบวนด้วย

นักวิเคราะห์มองว่าการหายไปของรถถังรุ่นใหม่และเหลือเพียงรถถังสมัยสหภาพโซเวียตรุ่น T-34 ไว้เพียงคันเดียวเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องให้ความสนใจ เพราะสิ่งนี้กำลังสะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียอาจเสียยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไปจำนวนมากในยูเครนตามที่หลายฝ่ายประเมินไว้ จนต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการนำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหลือมาแสดง หรือจะนำอาวุธเก่าที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียมาเป็นตัวเอก

รถถังโซเวียตรุ่น T-34 มีความสำคัญอย่างไร ทำไมรัสเซียถึงเลือกมาเป็นตัวชูโรงเพียงลำพังในปีนี้ รถถัง T-34 ถูกกล่าวขานว่าเป็นตำนานแห่งชัยชนะของสหภาพโซเวียตเหนือกองทัพนาซีเยอรมนีในปฏิบัติการบาร์บารอสซา ในช่วงมหาสงครามพิทักษ์ปิตุภูมิปี 1941

รถถังรุ่นนี้เป็นรถถังขนาดกลาง ที่ถูกนำมาประจำการตั้งแต่ปี 1940 และอยู่ในสายพานการผลิตมาจนถึงช่วงทศวรรษ 1950 ก่อนจะมีรถถังรุ่นอื่นๆ เช่น T-55 เข้ามาแทนที่ รถถัง T-34 มีคุณสมบัติที่เกิดจากการผสมผสานลักษณะของรถถัง 3 ข้อเข้าด้วยกันคือ เกราะป้องกันที่ดี พลังการยิงที่แรง และเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้รถถัง T-34 เหนือชั้นกว่ารถถังรุ่นแพนเซอร์ ทรี (Panzer III) ที่เยอรมนีใช้สู้รบในเวลานั้น

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่าการนำรถถังโซเวียตรุ่น T-34 มาใช้ อาจเป็นเพราะรถถังในคลังและบนสายพานการผลิตของรัสเซียมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากบางส่วนถูกทำลายและรุ่นถังรุ่นใหม่อย่างที-14 อาร์มาตาก็ถูกส่งไปสู้รบในยูเครน

รถถังที-14 อาร์มาตาที่ปกติจะถูกนำมาแสดงในพิธีสวนสนามทุกปีนับตั้งแต่ปี 2015 ถือเป็นรถถังรุ่นใหม่ของรัสเซีย ที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถป้องกันขีปนาวุธหรือจรวดต่อต้านรถถังรุ่นจาเวลินของชาติตะวันตกได้

สาเหตุที่เราไม่ได้เห็นรถถังรุ่นนี้ในพิธีสวนสนามปีนี้ อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวอาร์ไอเอ (RIA) ของรัสเซียเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ระบุว่ารถถังเหล่านี้อาจถูกนำไปรบในยูเครนทั้งหมด ซึ่งนักวิเคราะห์เคยประเมินว่ากองทัพรัสเซียอาจมีรุ่นถังรุ่นนี้เพียง 20 คันเท่านั้น เพราะอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาและยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากหาอะไหล่ได้ยากเพราะถูกคว่ำบาตร รวมถึงปัญหาการทุจริตในกองทัพรัสเซียเอง

ส่วนรถถังรุ่นอื่นๆ ที่เคยถูกนำมาร่วมขบวนในพิธีทุกปี ก็ถูกทำลายหรือเสียหายไปจำนวนมาก โอริกซ์ (Oryx) กลุ่มโอเพนซอร์สของเนเธอร์แลนด์เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้รัสเซียเสียรถถังไปแล้วอย่างน้อย 1,558 คันโดยในจำนวนนี้ 1,012 คันถูกทำลายในสนามรบ ส่วนอีก 546 คันถูกกองทัพยูเครนยึดไว้ได้ ตัวเลขการสูญเสียดังกล่าว คิดเป็นครึ่งหนึ่งของรถถังที่รัสเซียนำมาใช้เพื่อรุกรานยูเครนตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

ปัญหาการขาดแคลนรถถังของรัสเซียและขบวนพาเหรดที่มีเพียงรถถัง T-34 นำขบวนสอดคล้องกับการรายงานของสำนักข่าวตะวันตกที่ระบุว่า ตอนนี้รัสเซียขาดแคลนยุทโธปกรณ์ จนต้องไปนำรถถังโบราณที่พบได้เฉพาะในพิพิธภัณฑ์มาให้ทหารใช้สู้รบกับยูเครน

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่า รัสเซียอาจกำลังนำรถถังเก่าในพิพิธภัณฑ์ออกมาให้ทหารใช้สู้รบกับยูเครน รถถังรุ่นดังกล่าวที่ถูกนำออกมาจากคลังคือ รถถังรุ่น T-55s

รถถัง T-55s เป็นรถถังรุ่นแรกๆ ที่สหภาพโซเวียตนำมาประจำการในกองทัพแดงเมื่อปี 1948 หรือเพียง 2 ปี หลังจากเกิดสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต ในระยะแรก รถถังรุ่น T-55 ถูกผลิตมากกว่า 100,000 คัน ถือเป็นรถถังที่มีอัตราการผลิตเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากรถถังรุ่น T-55 นี้มีราคาถูก สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย

บรรดาผู้ที่สนใจด้านอาวุธระบุตรงกันว่า สำหรับชาติตะวันตกและรัสเซียแล้ว รถถังรุ่นนี้ถือว่าเก่ามากและสามารถพบเห็นได้ในพิพิธภัณฑ์อาวุธ หรือบางประเทศในแอฟริกา เช่น อียิปต์และซูดาน แม้ว่ารถถัง T-55s จะเป็นรถถังรุ่นเก่า แต่นักวิเคราะห์ทางการทหารบางรายเชื่อว่ารถถังเหล่านี้อาจมีประโยชน์ต่อกองทัพรัสเซีย หากรัสเซียนำรถถังเหล่านี้มาให้พลทหารใหม่ขับและยิงตั้งรับอยู่ในแนวหลัง ไม่ขับรถถังเขาไปสู้กับรถถังยูเครนในระยะประชิด

นอกจากนี้ รัสเซียอาจขุดสนามเพลาะเพื่อตั้งรับและนำรถถังประจำไว้ในหลุมนั้น โดยให้ปลายกระบอกปืนของรถถังโผล่ออกมาเหนือหลุม เพื่อยิงศัตรูที่กำลังเคลื่อนทัพเข้ามา ซึ่งนี่จะเป็นวิธีการใช้รถถัง T-55s ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในสนามรบตอนนี้

นอกจากจำนวนรถถังที่ลดลงในขบวนพาเหรดแล้ว อีกยุทโธปกรณ์หนึ่งที่หายไปในพิธีเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะปีที่ 78 ของรัสเซียคือ การแสดงบินผาดโผนด้วยเครื่องบินไอพ่น

ในพิธีสวนสนามปีนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้ให้กองทัพอากาศจัดการแสดงบินผาดโผนเหนือท้องฟ้าในกรุงมอสโกเหมือนปีก่อนๆ ที่กองทัพอากาศรัสเซียจะพ่นสีของธงชาติบนท้องฟ้า สาเหตุของการงดการบินผาดโผนในปีนี้ ทางการรัสเซียระบุว่าเกิดจากทัศนวิสัยการบินที่ไม่เอื้ออำนวย จนเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวนักบิน แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าคำกล่าวอ้างนี้ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากเมื่อวานนี้ ( 9พ.ค.) สภาพอากาศในกรุงมอสโกและหลายเมืองปลอดโปร่ง ตลอดจนเอื้ออำนวยต่อการแสดงบินผาดโผน

ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่าเหตุผลที่แท้จริงอาจเป็นเพราะรัสเซียเสียเครื่องบินรบหลายลำจากการทำสงครามยูเครน รวมถึงการสูญเสียจากการโดนลอบก่อวินาศกรรมในหลายพื้นที่คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ในวันที่รัสเซียเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะท่ามกลางข้อจำกัดและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ลดลง จนหลายฝ่ายวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่าสาเหตุมาจากสงครามยูเครน ขณะเดียวกัน คู่สงครามอย่างยูเครน ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าจะได้รับความช่วยเหลือรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จากชาติพันธมิตรตะวันตกเพิ่มเติม ท่ามกลางกระแสการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ออกมาแถลงขอบคุณรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ หลังจากมอบความช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่มูลค่ากว่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 40,000 ล้านบาท ความช่วยเหลือชุดใหม่ที่กำลังจะเดินทางมายังยูเครนนี้ ประกอบไปด้วยปืนใหญ่ ขีปนาวุธต่างๆ โดรน รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ( 9 พ.ค.) เออร์ซูลา ฟอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมธิการสหภาพยุโรป ก็ได้เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟอย่างเป็นทางการเนื่องในวาระครบรอบ 78 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปพูดถึงระหว่างการเยือนครั้งนี้ คือ เรื่องการสนับสนุนกระสุนปืนให้ยูเครน เธอระบุว่าสหภาพยุโรปจำเป็นต้องจัดหาเครื่องกระสุนให้ยูเครนอย่างเร่งด่วน และกำลังผลักดันวาระอย่างจริงจังเพื่อให้ทุกชาติในสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงร่วมกันโดยเร็ว

นอกจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ออกมายืนยันว่าจะช่วยเหลือยูเครนแล้ว ล่าสุด เจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ก็ได้ออกมาแถลงร่วมกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยระบุว่า สหราชอาณาจักรจะสนับสนุนยูเครนต่อไปจนกว่าสงครามจะจบ

การออกมาประกาศเช่นนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร มีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวที่สำนักข่าวตะวันตกและยูเครนรายงานว่า

ตอนนี้รัฐบาลของประเทศเนเธอร์แลนด์กำลังหารือร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก เรื่องการส่งเครื่องบินรบรุ่น F-16 ซึ่งเป็นเครื่องบินรบประสิทธิภาพสูงที่ยูเครนเคยร้องขอไปให้แก่ยูเครน

มาร์ค รุตเตอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวรอยเตอร์สเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตอนนี้บรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกกำลังหารือประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง หลังจากที่ยูเครนเคยร้องขอเครื่องบินรบรุ่นนี้มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้นำยูเครนเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร หลายฝ่ายมองว่า นายกฯ เนเธอร์แลนด์มีท่าทีที่ชัดเจนว่าต้องการส่งเครื่องบินรบ F-16 ไปให้ยูเครน สังเกตได้จากการให้สัมภาษณ์ที่ระบุว่ายุโรปต้องช่วยยูเครนในการสู้รบ เพราะถ้าประธานาธิบดีปูตินชนะ เขาจะไม่หยุดการรุกรานไว้แค่ยูเครนแน่นอน

ตอนนี้ชาติตะวันตกเริ่มให้ความช่วยเหลือยูเครนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสัญญาณว่ายูเครนจะเปิดปฏิบัติการโต้กลับฤดูใบไม้ผลิในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ อย่างไรก็ดี ในวันที่ยูเครนยังไม่เปิดปฏิบัติการโต้กลับในฤดูใบไม้ผลิ ทางรัสเซียก็เร่งรุกคืบยึดพื้นที่ โดยเฉพาะในเมืองบัคมุตที่มีรายงานว่ารัสเซียสามารถยึดพื้นที่ไปได้กว่าครึ่งหนึ่งแล้ว นอกจากการสู้รบที่ดุเดือดในเมืองบัคมุตแล้ว ตอนนี้มีอีกประเด็นใหญ่ที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้น เมื่อมีนักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่งเสียชีวิตจากการโจมตีโดยกลุ่มแวกเนอร์ ซึ่งเป็นกำลังรบหลักที่นั่นในตอนนี้

สำนักข่าวเดอะการ์เดียนรายงานว่า อาร์มาน โซลดิน นักข่าวชาวฝรั่งเศสจากสำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) วัย 33 ปี ที่ประจำการอยู่ในเขตชาร์สิฟยารี ในเมืองบัคมุต เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธหลายลำกล้องรุ่นกราด (Grad) ของกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์

อาร์มาน โซลดินถือเป็นนักข่าวรายที่ 15 ที่เสียชีวิตจากการเข้าไปทำข่าวในพื้นที่ นับตั้งแต่ที่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นยูเครนหรือฝรั่งเศส กระทรวงกลาโหมยูเครนได้ออกมาทวิตข้อความแสดงความอาลัยและเสียใจต่อการจากไปของนักข่าวรายนี้

ขณะเดียวกัน คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ก็ได้ออกมาทวิตข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของอาร์มานเช่นกัน

พร้อมระบุว่าสื่อมวลชนเป็นพื้นฐานของสังคมที่มีเสรีภาพ และโลกได้ติดหนี้บุญคุณกับอาร์มานและนักข่าวอีกกว่า 10 รายที่เข้าไปทำข่าวเปิดเผยความโหดร้ายของรัสเซียที่เข้าไปทำสงครามยูเครนจนเสียชีวิต

ด้านรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวแล้ว เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาทวิตข้อความยกย่องเชิดชูความกล้าหาญของนักข่าวรายนี้

ขณะที่สมาชิกสภาฝรั่งเศสได้ยืนปรบมือเสียงดังกึงก้องเพื่อเป็นเกียรติให้แก่อาร์มานที่ปฏิบัติหน้าที่นักข่าวจนวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่จะเริ่มต้นการประชุมของคณะกรรมาธิการด้านกฎหมาย

หลังจากนั้นที่ประชุมสภาแห่งชาติฝรั่งเศสได้ขอให้สมาชิกลงมติในวาระผลักดันให้กลุ่มแวกเนอร์อยู่ในรายชื่อองค์กรก่อการ้ายของสหภาพยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้สมาชิก 27 ชาติของสหภาพยุโรปใส่แวกเนอร์ในรายชื่อองค์กรก่อการร้ายอย่างเป็นทางการ

ผลการลงมติปรากฏว่า สมาชิกสภาแห่งชาติฝรั่งเศสมีมติเป็นเอกฉันท์ที่ 331 เสียงสนับสนุนให้กลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์ เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่จะถูกบรรจุไว้ลิสต์ของประเทศในสหภาพยุโรป

ขณะเดียวกัน สหราชอาณาจักรก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าจะบรรจุรายชื่อของกลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์ไว้ในฐานะองค์กรก่อการร้าย เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลรัสเซีย

การถูกระบุว่ากลุ่มนักรบรับจ้างแวกเนอร์เป็นองค์กรก่อการร้ายในบัญชีของสหภาพยุโรป จะทำให้ประเทศสมาชิกสามารถอายัดทรัพย์สินของกลุ่มแวกเนอร์และสมาชิกได้ ตลอดจนบริษัทและประชาชนในยุโรปจะถูกห้ามไม่ให้ติดต่อกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายนี้